กองปราบจับ แก๊งบันไรกัน ค้าปืน-อาวุธสงครามออนไลน์

กองปราบจับ แก๊งบันไรกัน ค้าปืน-อาวุธสงครามออนไลน์

วันที่ 18 มิ.ย. รายงาน ชุดปฏิบัติการพิเศษหนุมานกองปราบ ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ ปอท. และเจ้าหน้าที่ สพฐ.ตร. ลงพื้นที่เพื่อจับกุม “แก๊งบันไรกัน” ขบวนการค้าอาวุธปืนทางออนไลน์ โดยโพสต์คลิปสาธิตการใช้อาวุธปืนและโฆษณาผ่านทาง YouTube (มียอด Subscribe มากกว่า 16,000 คน และมียอดรับชมกว่า 200,000 ครั้ง)  เพื่อชักชวนให้บุคคลที่รับชมสื่อดังกล่าวเข้าร่วมเป็นสมาชิกในกลุ่มไลน์ของกลุ่มผู้ต้องหา มาตั้งแต่ปี 2559 จนถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2562 มีสมาชิกกลุ่มไลน์กว่า 2 พันคน

ภายในกลุ่มไลน์ดังกล่าว มีการโฆษณาเชิญชวนให้สมาชิกทำการติดต่อซื้อขายอาวุธปืน,

 เครื่องกระสุนปืน หรืออาวุธสงคราม จากกลุ่มผู้ต้องหา ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการซื้อขายอาวุธปืนในประเภท กลุ่มอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ที่ดัดแปลงมาจากสิ่งเทียมอาวุธปืนบีบีกันหรือแบงค์กัน, กลุ่มอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ประเภทหักลำกล้อง และกลุ่มอาวุธปืนจริง ซึ่งพิสูจน์ทราบว่าปืนดังกล่าวใช้ได้จริง จึงเป็นการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ, ประมวลกฎหมายอาญา รวมถึงกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

ในการตรวจค้นจับกุมกลุ่มผู้ต้องหา ได้รวบทั้งขบวนการ ผู้ผลิต จำหน่าย และผู้ซื้อทั้งหมด จำนวน 31 จุด ในพื้นที่ 14 จังหวัดทั่วประเทศ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร, นนทบุรี, ปทุมธานี, ชลบุรี, นครราชสีมา, ราชบุรี, สุราษฎร์ธานี, สระแก้ว, พระนครศรีอยุธยา, จันทบุรี, มหาสารคาม, หนองคาย, ตาก, สมุทรสาคร ได้ผู้ต้องหา 14 คน พร้อมอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ และอาวุธปืนไม่มีทะเบียน จำนวน 11 รายการ, สิ่งเทียมอาวุธปืน และอุปกรณ์ส่วนควบ จำนวนกว่า 30 รายการ, เครื่องกระสุนปืน จำนวนกว่า 600 นัด รวมถึงทรัพย์สินอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในการกระทำความผิด รวมแล้วกว่า 100 รายการ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ทำการสืบสวนขยายผลไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดต่อไป

พ.ต.ท.เสกสรรค คมสาคร รองผกก.สส.สภ.ถลาง กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวนั้นแม่ของเหยื่อได้มาแจ้งความเมื่อวันที่ 15 มิ.ย.ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนก็พาไปตรวจที่โรงพยาบาล อยู่ระหว่างการรอผลตรวจจากแพทย์ เพื่อได้สืบสวนขออนุมัติศาลเพื่อออกหมายจับ ซึ่งเป็นขั้นตอนทางกฎหมาย และในขณะนี้ได้เร่งรัดเพื่อจับกุมคนร้ายให้ได้โดยด่วน

กองปราบปราม รายงาน การ จับกุมตัว นายวรรธชัย (นามสมมุติ) อายุ 23 ปี ที่บริเวณสวนสาธารณะ ถ.โชคชัย ต.โพธาราม อ.โพธาราม จ.ราชบุรี  ด้วยข้อหา  “ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยผู้อื่นไม่สามารถขัดขืนได้ และพรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแลเพื่อการอนาจาร” จากการที่ข่มขืนเด็กสาววัย 16 ปี ซึ่งมีศักดิ์เป็นหลาน

ผู้ต้องหาถูกศาลออกหมายจับตามหมายจับศาลจังหวัดราชบุรี ที่ 104/2563  ลงวันที่ 15 มิ.ย. 2563  สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 7 มี.ค. 2563 เวลาประมาณ 1 ทุ่ม น.ส.เอ (นามสมมุติ) ผู้เสียหาย อายุ 16 ปี ป่วยเป็นโรคออทิสติก ได้ไปร่วมงานบวชนาคที่หมู่ ๓ ตำบลหัวโพ อำเภอบางแพ กับตาและยาย

ขณะอยู่ในงานบวช เหยื่อได้ไปเข้าห้องน้ำที่บริเวณข้างบ้าน ตากับยายสังเกตว่าหลานสาวหายไปนาน จึงออกตามหา จนมาพบตัว น.ส.เอ สภาพผมยุ่งออกมาจากเล้าไก่หลังบ้านงานบวช สอบถามได้ความว่าขณะที่เดินไปเข้าห้องน้ำที่หลังบ้านงานบวชอยู่นั้น นายวรรธชัย (ผู้ต้องหา) ซึ่งมีศักดิ์เป็นน้าเขย เข้ามาล็อคคอแล้วลาก น.ส.เอ ไปข่มขืนที่เล้าไก่แล้วหนีไป

ที่น่าตกใจไปกว่านั้น นี่ไม่ใช่การข่มขืนครั้งแรก! เธอถูกน้าเขยข่มขืน 3 ครั้ง ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2562 อาศัยจังหวะตากับยายไม่อยู่บ้าน นายวรรธชัย ขู่ฆ่า หากนำเรื่องนี้ไปบอกคนอื่น จึงทำให้น.ส.แอน กลัวไม่กล้าเล่าให้ใครฟัง หลังจากทราบเรื่องดังกล่าว ตากับยายของ น.ส.แอน จึงได้พาเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.บางแพ จ.ราชบุรี เพื่อดำเนินคดีกับนายวรรธชัย

จับลูกเสพยาก่อเหตุฆ่าพ่อ ตัดอวัยวะเพศทิ้ง!

วันที่ 17 มิ.ย. พ.ต.ท.สุรินทร์ ภู่ฤทธิ์ รอง ผกก.สส.สน.ทุ่งสองห้อง พร้อมกำลังชุดสืบสวน สน.ทุ่งสองห้อง ร่วมจับกุมตัว น.ส.บุญญดา อายุ 29 ปี ซึ่งเสพยาเสพติดจนสติไม่สมประกอบ ก่อเหตุฆ่าโหดนายเกษม บุญญชล อายุ 58 ปี ผู้เป็นพ่อโดยใช้ มีดฟันกลางหน้าผาก ตัดอวัยวะเพศทิ้ง ดับคาบ้านเลขที่ 306/141 ซอยชุมชนท่าทราย 3 แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ ก่อนหลบหนีไป

ตำรวจจับกุมผู้ต้องหาได้บริเวณปากซอยชินเขต 1/31 แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. ขณะกำลังเดินอยู่ริมถนน และได้ควบคุมตัวมาสอบปากคำ ส่วนอาวุธมีดที่ใช้ก่อเหตุได้นำไปทิ้งที่ถังขยะ บริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อ เซเว่น          อีเลฟเว่น แยกภาสยา

เบื้องต้นผู้ต้องหา อยู่ในสภาพอ่อนเพลียหมดแรง พูดจาวกวนไม่รู้เรื่อง เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องนั่งควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิด และรอให้ผู้ต้องหามีอาการดีขึ้น จึงทำการสอบสวนต่อไป

วันที่ 16 มิ.ย. ที่ห้องพิจารณา 714 ศาลอาญา ศาลนัดสืบพยานโจทก์ประกอบคำรับสารภาพคดีหมายเลขดำ อ.409/2563 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 6 เป็นโจทก์ฟ้องนายประสิทธิชัย เขาแก้ว หรือ ผอ.กอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนประถมแห่งหนึ่งใน จ.สิงห์บุรี เป็นจำเลย ในความผิดฐานฆ่าผู้อื่น, พยายามฆ่าผู้อื่น, ชิงทรัพย์ในเวลากลางคืน และความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน กรณีก่อเหตุฆ่าชิงทรัพย์ร้านทองออโรร่า ในห้างสรรพสินค้าที่ จ.ลพบุรี

นัดนี้อัยการโจทก์แถลงว่า พยานโจทย์ปากสำคัญ ที่จะต้องเบิกความในวันนี้ คือ พ.ต.อ.นพสิน พูนสวัสดิ์ รองผู้บังคับการกองบังคับการสืบสวนสอบสวนนครบาล ขอเลื่อนการเข้าเบิกความ เนื่องจากติดภารกิจคดีอื่น ที่จ.มุกดาหาร ตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา โศาลสอบถามจำเลยและทนายความจำเลย ไม่คัดค้าน จึงให้เลื่อนนัดสืบพยานโจทก์นัดแรก ออกไปเป็นวันที่ 23 มิ.ย.นี้ สำหรับพยานโจทก์ปากอื่นๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้เสียหายและญาติผู้เสียหาย เป็นวันที่ 24, 30 มิ.ย., 2 ก.ค. และ 23 ก.ค.2563 ศาลกำชับโจทก์ในนัดหน้าให้นำพยานมาพร้อมสืบ หรือตัดพยานตามที่เห็นสมควร

ร.อ.สุรกิต ทองทิพย์ พ่อของ น.ส.ธิดารัตน์ ทองทิพย์ เจ้าหน้าที่ร้านทองผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า วันนี้เจอกับคู่กรณีเป็นวันแรก ก่อนหน้านี้ไม่เคยมาขอเจรจาแต่อย่างใด เบื้องต้นคู่กรณีมอบเงินเยียวยาแล้ว 2 แสนบาท แต่มองว่ายังไม่คุ้มค่ากับสิ่งที่สูญเสียไป จึงเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนเพิ่ม จำนวนเงิน 3 ล้านที่เรียกไป จะนำมาเลี้ยงดูแลลูกชายของ น.ส.ธิดารัตน์ที่ป่วยเป็นโรคหัวใจ

แนะนำ : รีวิวหนังไทย | คู่มือพ่อแม่มือใหม่ | แม่และเด็ก | เรื่องผี | แคคตัส กระบองเพชร